ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rhynchostylis gigantea Rhynchostylis (ริง-โค-สไตล์-ลิส)
มีความหมายแยกตามคำได้ดังนี้ Rhyncho หมายถึง จงอย และ Stylis หมายถึง เส้าเกสร
เมื่อนำสองคำมารวมกันจะหมายถึง กล้วยไม้ชนิดที่มีเส้าเกสรคล้ายดั่งจงอยปากนก นั่นเอง
คำว่า gigantea หมายถึง ใหญ่มาก รวมกับความหมายของ ริงโค เข้าไปได้ความหมายใหม่ว่า
กล้วยไม้ที่มีจงอยปากเหมือนนกที่ใหญ่มาก นั่นเอง
"ช้างกระ" กล้วยไม้ป่าที่มีดอกสวยและหอม จะเริ่มหอมตอนสาย ๆ และจะหอมตลบอบอวลในตอนใกล้ ๆ เที่ยง
แต่ดอกจะบานอยู่ราว 2-3 อาทิตย์ ก็โรยแล้ว ชาวบ้านเรียกกล้วยไม้ช้างกระเป็นภาษาพื้นเมืองว่า "เอื้องต๊กโต"
กล้วยไม้สกุล "ช้าง" ที่พบกันอยู่ทั่วไปตามธรรมชาติ มี 4 ชนิด
1. ช้างกระ (Rhynchostylist gigantea )2. ไอยเรศ หรือ พวงมาลัย ( Rhynchostylis retusa (L.) Blume)
เอื้องไอยเรศมีชื่อพื้นเมืองหลายอย่าง ไอยเรศ, เอื้องพวงหางรอก, เอื้องหางฮอก
เอื้องไอยเรศ เป็น กล้วยไม้ ในประเทศไทยมี ชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Rhynchostylis retusa (L.) Blume
มีลักษณะลำต้นใหญ่แข็งแรงคล้ายกล้วยไม้ช้าง แต่ใบยาวกว่าและแคบกว่า ใบยาวประมาณ 40 เซนติเมตร
กว้างประมาณ 4 เซนติเมตร มีทางสีเขียวแก่สลับกับสีเขียวอ่อนตามความยาวของใบคล้ายกล้วยไม้ช้าง
ปลายใบมีลักษณะเป็นฟันแหลมไม่เท่ากัน
ช่อดอกเป็นรูปทรงกระบอก โค้งห้อยลง ยาวประมาณ 30-50 เซนติเมตร ก้านช่อยาวประมาณ 7-10 เซนติเมตร
มีดอกแน่นช่อ ในหนึ่งช่อมีดอกประมาณ 150 ดอก มากกว่ากล้วยไม้ช้าง รูปร่างลักษณะของช่อดอกที่ยาวเป็น
รูปทรงกระบอกคล้ายกับลักษณะของพวงมาลัย จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "พวงมาลัย" ต้นใหญ่ ๆ มักจะแตกหน่อ
ที่โคนต้น เกิดเป็นกอใหญ่ขึ้นได้ ดอกมีขนาดประมาณ 1.2-1.5 เซนติเมตร สีพื้นของกลีบนอกและกลีบใน
ของดอกเป็นสีขาว มีจุดสีม่วงประปราย เดือยดอกมีสีม่วงอ่อน แผ่นปากมีลักษณะโค้งขึ้นบนแล้วยื่นไป
ข้างหน้า มีแต้มสีม่วงตรงกลางแผ่นปาก ส่วนโคนและปลายสุดแผ่นปากเป็นสีขาว ปลายแผ่นปากเว้า เส้าเกสร
เห็นชัด ดอกจะบานอยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์
ฤดูกาลออกดอกอยู่ในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม พบได้ในทุกภาคของประเทศไทย
3. เขาแกะ (Rhynchostylis coelestis)
เขาแกะ หรือชื่อพื้นเมืองอื่น เอื้องเขาแกะ, เขาควาย, เอื้องขี้หมา
เป็นกล้วยไม้ชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดในอินโดจีน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ใบมีลักษณะแบนคล้าย แวนด้า ยาวประมาณ 15 เซนติเมตร และบางกว่า กล้วยไม้ ชนิดอื่นในสกุลเดียวกัน
โคนใบซ้อนกันเป็นแผง ใบโค้งสลับกันในทางตรงกันข้าม ด้วยลักษณะนี้เองจึงได้ชื่อว่า "เขาแกะ"
ช่อดอกเป็นรูปทรงกระบอก มีลักษณะช่อดอกตั้งขึ้น ก้านช่อมักสั้นกว่าแกนช่อ มีดอกแน่นช่อ ดอกมีขนาด
ประมาณ 2 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงบนรูปรี แกมรูปไข่กลับ กลีบเลี้ยงคู่ข้างรูปไข่กลับ กลีบดอกรูปขอบขนาน
แกมรูปไข่ ทั้งห้ากลีบสีขาว ปลายกลีบมนและขอบเป็นสีม่วงจาง กลีบปากรูปลิ่ม สีขาวอมม่วงจนถึงสีม่วงเข้ม
ปลายกลีบมนและมีสีเข้มกว่าโคน กลีบมีเดือยดอกที่แบนและส่วนปลายโค้งงอ เส้าเกสรสั้น
สีขาว ช่วงออกดอกไม่ทิ้งใบ
เขาแกะบางต้นอาจมีสีต่างออกไป เช่น มีสีม่วงมากจนเกือบแดง เรียกว่า “เขาแกะแดง" บางต้นมีสีไปทาง
สีฟ้าหรือสีน้ำเงิน บางต้นดอกมีสีขาวบริสุทธิ์ เรียกว่า "เขาแกะเผือก" ซึ่งค่อนข้างหาได้ยาก เดือยดอกยาว
กว่าและแคบกว่าของไอยเรศ ปลายของเดือยดอกโค้งลง ดอกบานทนประมาณสองสัปดาห์
4. ช้างฟิลิปปินส์ (Rhynchostylis violacea)
ไม่มีถิ่นกำเนิดในไทย เป็นกล้วยไม้ที่มีรูปทรงของต้นและใบคล้ายกับช้างไทย ช่อดอกโค้งแบบช้าง
ความแตกต่างอยู่ที่ช้างของไทยที่ปากจะมีสัน (keel) เพียง 2 สัน แต่ช้างฟิลิปปินส์มี 5 สัน
ความงามของช้างกระอยู่ที่ฟอร์มของต้นและช่อดอก ช่อดอกที่งามมาก ๆ คือช่อดอกที่ยาวและยื่นออกมา
ด้านหน้าของต้นเหมือนงาช้าง วิธีการให้ดอกออกมาด้านหน้าคือ เมื่อช้างกระแทงช่อดอกได้ประมาณ
2-3 นิ้ว ก็ให้หันลำต้นของช้างกระให้ขวางกับแสงอาทิตย์ ช่อดอกของช้างกระจะหันเข้าหาแสงอาทิตย์
ไม่ยาวไปตามความยาวของใบ ก็จะได้ช่อดอกที่ยื่นออกมาข้างหน้าเหมือนงาช้าง นอกจากนี้คนยังนิยมดู
ที่กระบนกลีบดอก เพราะช้างกระแต่ละต้นมีกระที่กลีบดอกแตกต่างกัน แต่ละต้นจะมีเสน่ห์ต่างกันไปอ่านต่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น